ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเฮลั่น

หลังจากที่เริ่มมีไข้ไวรัสโควิด19 ระบาดไปทั่วโลกนั้น ทางประเทศต่างๆ เริ่มมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคไข้ไวรัสตัวนี้ ในหลายๆด้าน ซึ่งมาตรการหนึ่งที่ส่วนใหญ่แต่ละประเทศออกมานั้น คือการปิดประเทศ ห้ามประชาชนของแต่ละประเทศที่อยู่ในการดูแลของประเทศนั้นๆ

เดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งมาตรการนี้ส่งผลให้ธุรกิจการบิน ธุรกิจโรงแรม รวมไปถึงธุรกิจท่องเที่ยว ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ทำให้แต่ละธุรกิจมีปัญหาทั้งเรื่องของการบริการ สภาพคล่องทางการเงินและทำให้ขาดรายได้เข้าบริษัทฯ จนกระทบและมีพนักงานถึงบางทีต้องมีการปลดพนักงานหรือให้หยุดงานเป็นการชั่วคราว

ซึ่งหนึ่งในธุรกิจที่ค่อนข้างมีผลกระทบอย่างรุนแรงคือบริษัทฯ นำเที่ยว ซึ่งปัจจุบันทางรัฐบาลได้มีนโยบายที่จะให้คณะรัฐมนตรี ร่างกฎกระทรวงฯ ลดวงเงินหลักประกันสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวตั้งแต่ เจ็ดพันบาทถึงสูงสุดหนึ่งแสนสี่หมื่นบาท ซึ่งจากการเปิดเผยของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬากำหนดให้ผู้ขอรับอนุญาติใบประกอบธุรกิจนำเที่ยว

จะต้องวางเงินประกันในจำนวนที่ลดลงจากเดิม ทั้งนี้เพื่อเป้นการแบ่งเบาภาระให้กับผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งสำหรับรายละเอียดของจำนวนเงินหลักประกันนั้นแบ่งออกเป็นสี่ประเภท คือ

ประเภทที่หนึ่ง ธุรกิจนำเที่ยวประเภทเฉพาะพื้นที่ จากเดิมกำหนดไว้ว่าให้วางเงินหลักประกันอยู่ที่ หนึ่งหมื่นบาท แต่ร่างกฎกระทรวงใหม่จะเหลือเพียงสามพันบาท

ประเภทที่สอง ธุรกิจนำเที่ยวประเภทภายในประเทศ เดิมกำหนดให้วางวงเงินหลักประกันไว้ที่ ห้าหมื่นบาท แต่ร่างกฎกระทรวงใหม่จะเหลือเพียง หนึ่งหมื่นห้าพันบาท

ประเภทที่สาม ธุรกิจนำเที่ยว ประเภท นำเที่ยวจากต่างประเทศ เดิมร่างกฎกระทรวงไว้ให้วางเงิน หนึ่งแสนบาท แต่ร่างกฎกระทรวงใหม่จะเหลือเพียงวางเงินประกันเหลือ สามหมื่นบาท

ประเภทสุดท้าย คือธุรกิจนำเที่ยวประเภททั่วไป เดิมร่างกฎกระทรวงไว้ให้วางเงิน สองแสนบาท แต่ร่างกฎกระทรวงใหม่จะเหลือเพียงวางเงินประกันเหลือ หกหมื่นบาท 

ซึ่งมติการร่างกฎกระทรวงใหม่นี้ จะมีการนำเสนอร่างให้กับรัฐบาลในที่ประชุมเพื่อเห็นชอบและอนุมัติฯ ซึ่งผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวเหล่านี้ต่างรอฟังข่าวดีนี้ในเร็ววัน เพราะอย่างน้อยตั้งแต่เดือนมกราคมนี้ที่ผ่าน ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทนำเที่ยวหลายๆเจ้าต้องหยุดชะงักกิจการ และทำให้ไม่มีรายได้เข้าบริษัทฯเลย ตอนนี้ก็ล่วงเลยเข้าถึงเดือนที่สามแล้ว

ซึ่งดูจากสถานการณ์มีแนวโน้มที่จะลากยาวไปถึงครึ่งปี กลางปีเดือนมิถุนายน ซึ่งเงินก้อนนี้หากการร่างกฎกระทรวงใหม่มีการเห็นชอบและอนุมัติผ่านจริงๆ แล้วหล่ะก็ น่าจะช่วยต่อลมหายใจให้กับผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจนำเที่ยวนี้ ทั้งสี่ประเภท ให้กลับมามีทุนต่อยอดสร้างรายได้ใหม่กันอีกสักครั้ง ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ทำธุรกิจนี้

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  sagame