ข่าวดีสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่ต้องการกู้เงิน กยศ. เพราะไม่ต้องมีคนค้ำประกันก็กู้ได้แล้ว 

              ข่าวดีสำหรับนักเรียนนักศึกษา   มีการประกาศออกมาจากทาง กยศ.  เกี่ยวกับระบบการให้กู้ยืมเงินเพื่อการศึกษาสำหรับนักเรียนและนักศึกษาทั้งหลายโดยก่อนหน้านี้ถ้านักเรียนนักศึกษาต้องการที่จะกู้ยืมเงินจากทางกยศนั้นจะต้องมีการไปหาบุคคลมาทำการค้ำประกันให้เพื่อให้ทางกยศมั่นใจว่าเงินที่ถูกกู้ยืมไปนั้นจะได้รับการชำระคืนแน่นอนเพราะ ถ้าหากผู้ที่กู้ยืมไปในเมื่อชำระคืนก็สามารถไปเอาเงินจากผู้ค้ำประกันได้นั่นเอง

             อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้นปรากฏว่าการเรียกเก็บเงินจากทางกยศที่ส่งไปเรียกเก็บกับทางผู้กู้ยืมเงินนั้นบางครั้งผู้กู้ยืมก็เพิกเฉยทำให้ กยศ.จำเป็นที่จะต้องไปทำการหักเงินจากผู้ค้ำประกันและทำให้มีปัญหาดราม่าเกิดขึ้นมามากมายเพราะผู้ค้ำประกันเองนั้นก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยเมื่อถูกทาง กยศ.ติดตามทวงหนี้ก็จำเป็นต้องขายทรัพย์สินเอามาใช้หนี้แทน

          ซึ่งปัญหานี้ทางด้านกรรมการของกองทุนกยศเองก็ได้มีการประชุมปรึกษาหารือกันในที่สุดก็มีการอนุมัติออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าในปีการศึกษาของ 2564  เป็นต้นไปนี้ถ้าหากนักเรียนนักศึกษาคนไหนอยากจะกู้ยืมเงินกับทาง กยศ. แล้วก็สามารถทำหนังสือขอกู้ยืมเงินได้เลยซึ่งจะไม่ต้องจำเป็นใช้ผู้ค้ำประกันอีกต่อไป

       โดยสาเหตุที่ทำ กยศ. ทำแบบนี้ก็เพราะว่าต้องการลดภาระและช่วยเหลือประชาชนเนื่องจากว่าถ้าหากให้ผู้กู้นั้นไปหาคนค้ำประกันเชื่อว่าในตอนนี้แทบจะไม่มีใครมาทำการค้ำประกันกับทาง กยศ.อย่างแน่นอน   เพราะแต่ละคนนั้นก็ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด-19กันทั้งนั้น   และในขณะนี้ชาวบ้านก็ได้รับความเดือดร้อนกันเป็นอย่างมากซึ่งถ้าหาก กยศ. ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเชื่อว่าคงไม่มีใครที่จะสามารถทำการกู้ยืมเงินในช่วงเวลานี้ได้อย่างแน่นอน 

        อย่างไรก็ตาม กยศยังมีนโยบายเพิ่มเติมเป็นนโยบายเฉพาะกิจขึ้นมาเกี่ยวกับเรื่องของการลดอัตราดอกเบี้ยในการกู้ยืมเงินกับทางกยศโดยจะถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยเพียงแค่ 0.01% ต่อปีเพียงเท่านั้น   ซึ่งอัตราดอกเบี้ยนี้สามารถใช้ได้กับคนที่เคยกู้ยืมเงินและผิดนัดชำระได้เช่นเดียวกัน

        นอกจากนี้ทางกยศจะมีการเลื่อนการชำระค่ากู้ยืมเงินจากเดิมที่ต้องสิ้นสุดภายใน 30 มิถุนายนปี 2564 นี้ก็จะเลื่อนให้จนถึงสิ้นปีเลยทีเดียวและถ้าหากใครที่กำลังถูกทางกยศส่งฟ้องดำเนินคดีซึ่งเป็นการผิดนัดชำระของปีที่แล้วกับของปีนี้นั้นก็จะมีการชะลอการยื่นเรื่องฟ้องร้องเอาไว้ก่อนทั้งนี้เพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอยู่ในตอนนี้นั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.    หวยดี

หนุ่มสักลายควักปืนจี้ข่มขืนสาวข้างบ้าน

ซึ่งวันนี้ได้มีเหตุการณ์หนึ่งบอกเลยว่ามันน่าตกใจอยู่เหมือนกันเป็นน้องผู้หญิงแล้วมีการระบุว่าน้องถูกจ่อโดยพาไปกระทการล่วงระเมิดและเหตุการณ์ก็ได้เกิดขึ้นภายในบ้านพักของตัวเอง

วันนี้ทางผู้เสียหายและครอบครัวได้เข้าไปแจ้งความที่ สภ.บางปะอิน โดยเหตุเกิดเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาสิ่งที่เจ้าหน้าที่ได้พบก็คืออาวุธที่ใช้เอาไปจี้น้องมีอาวุธปืนแล้วมีมีดที่เป็นมีดหัวตัดเหตุการณ์ได้เกิดขึ้งนช่วงกลางวันแสกๆ

ปรากฏว่าช่วงเวลาที่ได้จับกุมได้ผู้ชายคนนี้เขาไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่เป็นผู้ชายที่อยู่ข้างๆห้องชื่อว่า นายหนึ่ง ส่วนน้องเราขอเรียกว่าน้องฝนก็แล้วกัน

ประเด็นก็คือว่าหลายๆคนเองดูข่าวก็อาจจะต้องระมัดระวังกันสักนิดนึงถามว่าน้องฝนที่ถูกล่วงระเมิดจากนายหนึ่งเนื่องจากว่าตอนนั้นน้องได้อยู่คนเดียวหากดูผู้ต้องหาที่ได้ลุกเข้าไปทำกับเด็กประเด็นเจ้าตัวก็ยอมรับว่าบ้านอยู่ข้างๆแล้วตอนที่เกิดเรื่องเขาได้ใช้มีดสอดเข้าไปในร่องกลอนแล้วประตูก็เปิดออก

โดยผู้เสียหายน้องเขาหลับอยู่ในบ้านเมื่อเข้าไปด้านในได้และใช้มีดจ่อไปที่คอน้องฝนใช้ปืนจ่อหัวน้องและบังคับให้น้องยอมไม่อย่างนั้นจะฆ่าน้องทิ้งจนสุดท้ายน้องเองก็กลัวอันตรายก็ขัดขืนไม่ได้หลังจากที่เกิดเหตุเสร็จแล้ว นายหนึ่ง ก็เดินกลับบ้านไปตัวของน้องฝนกลัวเลยขับรถไปหาแฟนหนุ่มที่ไปทำงานหลังจากนั้น นายเอ็มที่เป็นแฟนของน้องฝนกลับมาก็มีการทะเลาะ

ซึ่งจริงๆแล้วเขารู้จักกันเป้นเพื่อนบ้านกันแฟนน้องฝนก็เลยไปทะเลาะกับคนก่อเหตุสุดท้ายหลังจากนั้นตอนที่กู้ภัยเข้ามาถึงก็ยังไม่กล้าที่จะเข้าไปจับรอเจ้าหน้าที่มารออยู่ประมาณ15นาที่ นายหนึ่ง ก็ออกจากบ้านมามอบตัว

นอกจากนี้ทางแม่ของน้องฝนก็ได้บอกว่าแม่ได้บอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆต้องเอาผิดให้ถึงที่สุดและที่สำคัญจริงๆก็คือรู้จักกันหมดไม่คิดว่าจะแอบเข้ามาทำอะไรแบบนี้คนก่อเหตุก็คือ นายหนึ่ง น่าจะแอบชอบน้องแต่ว่าน้องมีแฟนอยู่แล้วก็อาจจะเป็นไปได้เอามีดงัดเข้าไปบุกไปทำร้ายน้องฝน

เพราะฉะนั้นแล้วแม่ของ นายหนึ่ง คนที่ก่อเหตุปรากกว่าทางแม่ได้บอกว่า นายหนึ่งจริงก็มีเมียแล้วและเป็นคนดีรักลูกรักเมียแต่พฤติกรรมที่เกิดขึ้นวันนี้คนที่เป็นแม่อยู่บ้านเดียวกันก็ตกใจเหมือนกันยอมรับว่านายหนึ่งที่มีพฤติกรรมแบบนี้เพราะเสพยาจริงๆก็พึ่งออกจากคุกมาด้วย

 

ขอขอบคุณผู้ที่ให้การสนับสนุนโดย  ซื้อหวยฮานอย เว็บไหนดี

เด็กหายตัวไร้ร่องรอย 2 วันก่อนพบเป็นศพอยู่ก้นหลุมส้วม

เด็กหายตัวไร้ร่องรอย 2 วันก่อนพบเป็นศพอยู่ก้นหลุมส้วมพ่อแม่หัวใจสลายไม่คิดว่าลูกจะลื่นลงไปในหลุมส้วม

             เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ประเทศมอลโดวา   ซึ่งประเทศนี้เป็นประเทศที่อยู่ในกลุ่มแถบทางด้านยุโรปมีรายงานข่าวออกมาจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งว่ามีครอบครัวหนึ่งได้มีการแจ้งความว่าลูกชายวัย 6 ขวบของเขานั่นหายออกจากบ้านด้วยขนาดที่เด็กชายวัย 6 ขวบหายนั้นพ่อกับแม่ไม่อยู่บ้านเขาอยู่กับพี่สาวและพี่ชายซึ่งทางผู้ปกครองเองก็ได้พยายามตามหามาแล้วหลายวันจึงได้ประสานงานให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและอาสาสมัครช่วยกันตามหาโดยทุกคนก็ร่วมแรงร่วมใจในการตามหาเด็กชายคนดังกล่าวกันอย่างแข็งขันจนเป็นระยะเวลา 2 วันจึงมาพบศพของเด็กชายคนดังกล่าว

เสียชีวิตอยู่ภายในบริเวณส้วมหลุมซึ่งเป็นช่วงที่อยู่ในพื้นที่บ้านของเด็กชายคนดังกล่าวนั่นเองอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 เดือนพฤษภาคมพ.ศ 2553 โดยพ่อแม่ของเขาเล่าว่าในวันดังกล่าวนั้นพ่อกับแม่จำเป็นที่จะต้องปล่อยให้ลูกทั้งสามคนอยู่บ้านกันเพียงลำพังเนื่องจากพ่อแม่ต้องออกไปทำงานซึ่งในบ้านนั้นก็จะมีพี่สาวคนโตอายุ 14 ปีและพี่ชายคนรองอายุ 9 ขวบ

ส่วนน้องที่เสียชีวิตนั้นอายุ 6 ขวบเป็นน้องเล็กสดโดยลูกทั้งสองคนบอกกับเขาว่าไม่ทราบว่าน้องหายไปไหนแล้วตั้งแต่เมื่อไหร่เพราะตอนเองต่างก็เล่นกันเองโดยที่ไม่ได้สนใจน้องมารู้ตัวอีกทีก็หายไปแล้วหลังจากนั้นพ่อแม่ก็พยายามตามหาและเพื่อนบ้านก็ช่วยออกตามหาจนในที่สุดทางพ่อกับแม่ก็จำเป็นต้องแจ้งความที่สถานีตำรวจโดยมีการออกปูพรมค้นหาทั้งในเมืองและนอกเมืองเป็นระยะเวลา 2 วัน

แต่ก็ไม่พบในที่สุดจึงตัดสินใจค้นหาภายในบริเวณบ้านพักอีกครั้งหนึ่งแล้วก็มาเจอว่าเด็กชายนั้นเสียชีวิตอยู่ภายในส้วมซึมเป็นส้วมหลุมของบ้านนั้นเองจากการนำร่างของเด็กมาตรวจสอบพบว่าไม่พบร่องรอยการทุบตีหรือถูกทำร้ายแต่อย่างใดโดยมีการสันนิษฐานกันว่าเด็กชายคนดังกล่าวน่าจะเข้าไปใช้ส้วมแล้วในขณะที่ใช้ส้วมนั้นเขาอาจจะมีการลื่นแล้วตกลงไปในส้วม

แต่เนื่องจากว่าร่วมนั้นมีกลิ่นเหม็นเขาอาจจะหายใจไม่ออกจึงทำให้เสียชีวิตในที่สุดส่วนพี่ทั้งสองคนนั้นพี่ไม่ได้ยินเสียงน้องเนื่องจากว่าห้องส้วมนั้นมีการสร้างกำแพงปิดทึบเอาไว้จึงทำให้เสียงอัดออกมาไม่ถึงได้ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้นำความเสียใจมายังพ่อแม่ของเขาเป็นอย่างมากโดยพ่อกับแม่ของเขาบอกว่าเด็กชายนั้นข้าวต้มเองคนเดียวตั้งแต่อายุ 3 ขวบพวกเขาจึงไม่คิดว่าลูกชายของเขานั้นจะต้องมาเสียชีวิตภายในห้องน้ำนั่นเอง

 

ได้รับการสนับสนุนโดย  sagame88